บทที่ 3 การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
1.โครงสร้างข้อมูลในภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันจำแนกออกเป็น3 ประเภท
1.1 โครงสร้างข้อมูลเบื้องต้น (Primitive data structure) เป็นข้อมูลพื้นฐานซึ่งมีโครงสร้างข้อมูลไม่ซับซ้อนจะต้องมีในภาษาคอมพิวเตอร์ทุกภาษา
จะเป็นลักษณะที่กำหนดในภาษานั้นๆ ตัวอย่างของข้อมูลประเภทนี้ เช่น
- จำนวนเต็ม(integer)
- จำนวนจริง(real)
- ตัวอักขระ(character)
1.2 โครงสร้างอย่างง่าย (Simple data structure) เป็นข้อมูลที่เกิดจากการนำโครงสร้างข้อมูลเบื้องต้นมาประกอบกันเป็นโครงสร้างข้อมูลที่หลากหลายขึ้น
ข้อมูลที่ใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ยุคแรกเป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้นแต่ในปัจจุบันภาษาคอมพิวเตอร์เกือบทุกภาษามีข้อมูลโครงสร้างด้วยแทบทั้งสิ้น
ตัวอย่างข้อมูลโครงสร้าง เช่น
- แถวลำดับ (array)
- เซต (set)
- ระเบียนข้อมูล (record)
- แฟ้มข้อมูล (file)
1.3 โครงสร้างข้อมูลซับซ้อน (Compound data structure) เป็นการนำเอาข้อมูลองค์ประกอบอย่างง่าย ประกอบขึ้นมาเป็นโครงสร้างข้อมูลซับซ้อน
โครงสร้างข้อมูลประเภทนี้สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
1.3.1 โครงสร้างข้อมูลแบบเชิงเส้น (linear data structures) เป็นชนิดข้อมูลที่ความสัมพันธ์ของข้อมูลเรียงต่อเนื่องกัน
โดยข้อมูลตัวที่ 2อยู่ต่อจาก ข้อมูลตัวที่ 1 ข้อมูลตัวที่ 3 อยู่ต่อจากข้อมูลตัวที่2 และข้อมูลตัวที่ n อยู่ต่อจากข้อมูลตัวที่ n- 1 ตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลแบบเชิงเส้น เช่น
- ลิสต์ (list)
- สแตก (stack)
- คิว (queue)
- สตริง (string)
1.3.2 โครงสร้างข้อมูลแบบไม่ใช่เชิงเส้น (non-linear data structures) เป็นชนิดข้อมูลที่ข้อมูลแต่ละตัวสามารถมีความสัมพันธ์กับข้อมูลอื่นได้หลายตัว
ตัวอย่างโครงสร้างข้อมูลแบบไม่ใช่เชิงเส้น
- ทรี (tree)
- กราฟ (graph)
2.โครงสร้างข้อมูล
บิต (Bit)
คือเป็นตัวแทนของหน่วยที่เล็กที่สุดของข้อมูลที่คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลในหน่วยความจำของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยเลขฐานสอง นั่นก็คือ
0 และ 1
เท่านั้น
ไบต์ (Byte)/อักขระ (Characters) คือการนำกลุ่มของบิต 7 Bits หรือ 8 Bits (ขึ้นอยู่กับมาตรฐานที่ใช้)มารวมกันเป็นตัวอักษร ตัวเลข หรือสัญลักษณ์พิเศษ หนึ่งตัวอักษร
(Character)
เช่น รหัส ASCII
1 ไบต์ ซึ่งจะเก็บข้อมูล 01000001
แทนตัวอักษร
ฟิลด์ (Field) คือข้อมูลที่ประกอบด้วยอักขระ
เพื่อให้สามารถสื่อความหมายตามที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น
ชื่อพนักงาน นามสุกล
ระเบียน (Record) คือการรวมกลุ่มของฟิลด์หลายๆ
ฟิลด์ที่มีความหมายเกี่ยวพันกันมารวมกันอย่างมีความหมาย ไฟล์/ แฟ้มข้อมูล (File) คือเป็นการรวมกันของระเบียนหลายๆ
ระเบียนที่เกี่ยวพันกันมารวมกัน เช่น แฟ้มข้อมูลลูกค้า แฟ้มข้อมูลการขายสินค้า
ฐานข้อมูล (Database) คือ กลุ่มของข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง (Real Fact) ที่ถูกนำมารวมไว้ในที่เดียวกันอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยกลุ่มของผู้ใช้ตั้งแต่หนึ่งกลุ่มขึ้นไป โดยข้อมูลเหล่านั้นอาจเป็นได้ทั้งข้อความ รูปภาพหรืออื่นๆ ซึ่งแต่ละไฟล์ที่นำมารวมกันจะมีความซ้ำซ้อนของข้อมูลน้อยที่สุด
ฐานข้อมูล (Database) คือ กลุ่มของข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง (Real Fact) ที่ถูกนำมารวมไว้ในที่เดียวกันอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยกลุ่มของผู้ใช้ตั้งแต่หนึ่งกลุ่มขึ้นไป โดยข้อมูลเหล่านั้นอาจเป็นได้ทั้งข้อความ รูปภาพหรืออื่นๆ ซึ่งแต่ละไฟล์ที่นำมารวมกันจะมีความซ้ำซ้อนของข้อมูลน้อยที่สุด
ไบต์ (Byte) ได้แก่ ตัวอักษร เป็นการนำเอาบิตมารวมกัน โดย 8 bit = 1 Byte
ชื่อ
|
อักษรย่อ
|
จำนวนไบท์
|
กิโลไบท์(kilobyte)
|
KB
|
1024 Bytes
|
เมกะไบท์(Megabyte)
|
MB
|
1024 KB
|
กิกะไบท์(Gigabyte)
|
GB
|
1024 MB
|
เทอราไบท์(Terabyte)
|
TB
|
1024 GB
|
พีดาไบท์(Petabyte)
|
PB
|
1024 TB
|
3.ตัวอย่างแฟ้มข้อมูล
4.ความแตกต่างระหว่างการประมวลผลแบบแบชและแบบเรียลไทม์
4.1 การประมวลผลแบบแบตซ์ (Batch
Processing)
คือการประมวลผลข้อมูลที่ได้ทำการเก็บรวบรวมไว้เป็นชุดข้อมูล
แล้วจึงนำส่งข้อมูลเหล่านั้นไปทำการประมวลผลข้อมูลพร้อมกันทั้งหมด
ทีเดียวซึ่งระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้เพื่อรอการประมวลผล อาจจะเป็นรายวัน รายสัปดาห์
รายเดือน หรือรายปี เป็นต้น
เช่นการประมวลผลการเสียภาษีประจำปี
การคิดดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคาร
4.2 การประมวลผลแบบเรียลไทม์ (Real - Time Processing) คือ
การประมวลผลทันทีทุกครั้งที่มีการส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบ บางทีอาจจะเรียกว่า การประมวลผลแบบ Transaction Processing
เช่น
ระบบเงินฝาก - ถอนเงินด้วย
ATM ของธนาคาร ระบบสำรองที่นั่งในเครื่องบิน
ระบบการตัดยอดสินค้าคงคลังทุกครั้งที่มีการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้า เป็นต้น
การประมวลผลข้อมูลทั้งสองวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานของระบบว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดที่จะต้องทำการประมวลผลทันทีหรือสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลไว้เป็นกลุ่มก่อนแล้วจึงทำการประมวลผลพร้อมกันทีเดียว เช่น
การประมวลผลการเสียภาษี จะทำการประมวลผล 1
ปีต่อครั้ง
เนื่องจากการคิดภาษีเป็นการคิดจากรายได้ตลอดปี แต่การตัดยอดบัญชีเงินฝากของลูกค้าจำเป็นที่จะต้องทำการประมวลผลทันทีทุกครั้งที่มีการฝากหรือถอนเงิน
ทั้งนี้เพื่อทราบยอดคงเหลือที่ลูกค้ามีอยู่ ณ
ปัจจุบัน เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น